หลายครั้งหลายคราที่เรามักจะได้ยินประโยคที่ว่า
“ อันนี้กินแล้วอ้วนนะ “
“ อันนี้กินแล้วไม่อ้วน “
“ อันนี้กินแล้วผอม “
เคยฉุดคิดนึกสงสัยกันบ้างไหมครับว่า ?
“ ทำไมอันนี้กินแล้วต้องอ้วน ? “
__________________________________
“ อันนี้กินแล้วอ้วนนะ “
“ อันนี้กินแล้วไม่อ้วน “
“ อันนี้กินแล้วผอม “
เคยฉุดคิดนึกสงสัยกันบ้างไหมครับว่า ?
“ ทำไมอันนี้กินแล้วต้องอ้วน ? “
__________________________________
ของที่กินได้บนโลกนี้ ล้วนแต่มันให้พลังงานในตัวมันเองอยู่แล้ว อาหารแต่ละชนิดก็มีพลังงานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งต่ำทั้งสูง หรือ ที่เราเรียกว่า “ แคลลอรี่ “
ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าอาหารแต่ละชนิดที่เรากินเข้าไป มันมีพลังงานเท่าใด ? แล้วถ้าเรารู้เราลองเอามา จัดการกับปริมาณแคลลอรี่ที่คุณควรได้รับต่อวันสิ ถ้ามันยังไม่เกินขีดจำกัดต่อวัน คุณว่าคุณจะอ้วนไหม ?
__________________________________
__________________________________
Q: ทำไมเขาถึงมักพูดกันว่าของสิ่งนี้กินแล้วจะอ้วนนะ ?
A: ลองนึกทบทวนดูดีๆสิ่งที่เรา ชอบคิดว่ามันกินแล้วอ้วนมันคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น
ไอติม , เค้กราดน้ำเชื่อม , น้ำอัดลม , ของทอด , ของมัน , ข้าวมันไก่ ขาหมู หมูสามชั้น ฯลฯ
ไอติม , เค้กราดน้ำเชื่อม , น้ำอัดลม , ของทอด , ของมัน , ข้าวมันไก่ ขาหมู หมูสามชั้น ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้มักมี “พลังงานในตัวมันอยู่สูงมาก เมื่อเทียบปริมาณต่อ 1 หน่วยบริโภคแล้ว” อย่างข้าวขาหมูตามร้านข้างถนน ก็มีแคลลอรี่อยู่ราวๆ 550 Kcal ซึ่งเมื่อเทียบกับคนที่ได้รับพลังงานอยู่ 1,500 Kcal
( ตัวเลขนี้คือปริมาณพลังงาน มนุษย์เพศหญิงที่ไม่ออกกำลังกายใดๆเลย ) ต่อวันคือมันจะดูเยอะมาก
( ตัวเลขนี้คือปริมาณพลังงาน มนุษย์เพศหญิงที่ไม่ออกกำลังกายใดๆเลย ) ต่อวันคือมันจะดูเยอะมาก
ซึ่งเมื่อนับรวมอาหารของทั้งวันแล้ว ส่วนใหญ่พบว่ามักเกิ
( กินอาหาร 3มื้อและขนม )
__________________________________
( กินอาหาร 3มื้อและขนม )
__________________________________
เมื่อมามองดูอีกมุมนึง อาหารที่เรามักบอกว่า “กินแล้วไม่อ้วน” ที่ไม่อ้วนเพราะอะไร ?
เพราะพลังงานในตัวมันต่ำหรือน้อยมาก บางอย่างแทบจะไม่ถึง 100 Kcal เช่น สลัด อาหารประเภทต้ม นึ่ง .. ซึ่งนึกๆดูแล้ว มองดูดีๆจะค้นพบว่า การ ต้ม นึ่ง ซึ่งเป็นการทำอาหารที่ไม่ใช้น้ำมัน ในการประกอบอาหารซึ่งตรงนี้มันจะไปช่วยลดพลังงานของอาหารนั้น ได้เยอะมาก
__________________________________
__________________________________
สิ่งที่อยากจะพูดคือ “ ในโลกนี้ไม่มีอาหารชนิดใด ที่กินแล้วอ้วน “ การที่เราอ้วนหรือผอมนั้น ต้นเหตุมันมาจากการ “ จัดการ “ กับอาหารของคุณเอง ว่าคุณสามารถจัดการกับพลังงานที่คุณใช้และรับมันได้ไหม ?
น้ำอัดลม เค้ก ของทอดต่างๆ เชื่อสิคุณสามารถทานมันได้ ถ้าคุณรู้และควบคุมมันได้คุณก็ไม่อ้วนหรอกครับ
__________________________________
น้ำอัดลม เค้ก ของทอดต่างๆ เชื่อสิคุณสามารถทานมันได้ ถ้าคุณรู้และควบคุมมันได้คุณก็ไม่อ้วนหรอกครับ
__________________________________
Q: แล้วทำไมของอร่อยๆมักทำให้อ้วนละคะ ?
A: “รสชาติ” สิ่งมีชีวิตก็ล้วนที่จะชอบมัน ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ธรรมดาๆ ก็ยังเลือกว่าอันนี้อร่อยอันนี้ไม่อร่อย อันนี้อร่อยกินเยอะๆ
และสิ่งที่จะตามมาคือ “การเสพติด “ เมื่อเราได้รับอาหารที่อร่อยหรือถูกใจเรา สมองเราจะมีการจดจำและหลั่งเอ็นโดรฟินออกมาทำให้ รู้สึกมีความสุขและกินได้อย่างเพลิดเพลินได้เรื่อยๆ
และสิ่งที่จะตามมาคือ “การเสพติด “ เมื่อเราได้รับอาหารที่อร่อยหรือถูกใจเรา สมองเราจะมีการจดจำและหลั่งเอ็นโดรฟินออกมาทำให้ รู้สึกมีความสุขและกินได้อย่างเพลิดเพลินได้เรื่อยๆ
และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าร่างกายไม่ได้รับการกระตุ้นนั้น ร่างกายก็มีปฏิกิริยาแสดงออกมาคือ ค้นหาในสิ่งที่ร่างกายชอบหรือที่เรามักชอบพูดว่า “ อยากกินอันนั้น อยากกินอันนี้ “
__________________________________
__________________________________
..มันถึงเชื่อมโยงไปถึง การยับยั้งชั่งใจหรือการหักห้ามใจตนเอง คนที่อ้วนมักแพ้ใจตนเองในจุดนี้ที่ยอมสละร่างกับการได้กินของอร่อยๆ ตามใจปาก
มันก็เหมือนกับว่า ที่บอกว่าการกินน้ำตาลเทียมหรือน้ำอัดลม 0 แคลลอรี่ มันจะทำให้เราเสพติดความหวานและทำให้อยากมากกว่าเดิม และนำพาไปสู่ความอ้วน
.. ซึ่งในจุดนี้ ต่อให้กินแล้วอยากมากแค่ไหน ถ้าสมองยังมีการสั่งให้ยับยั้งชั่งใจและชนะความคิดของสมองตลอดเวลา ความอ้วนนั้นมันก็คงไม่มา
__________________________________
__________________________________
สรุป : ในโลกนี้ไม่มีอาหารใดใดที่กินแล้วอ้วนหรือผอม การที่จะอ้วนหรือผอมนั้นมาจากการ “ บริหารจัดการพลังงานที่นำเข้าและเอาออก “ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ?
.. ของอร่อยที่คุณชอบคุณสามารถกินมันได้ อยู่ที่ว่าคุณจัดการกับมันและยับยั้งชั่งใจกับมันได้มากน้อยแค่ไหน ?
ขอบคุณบทความจาก Eat Clean Baby : FB
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น